เครื่องฟอกอากาศข้างเตียงผู้ป่วย

PM2.5 กับผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจในโรงพยาบาล

by Peemanus Tongpiem / มิถุนายน 18, 2025

PM2.5 หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็นมลพิษทางอากาศที่มีขนาดเล็กกว่ารูขุมขนของมนุษย์ถึง 20 เท่า และเล็กพอที่จะแทรกซึมเข้าสู่ถุงลมปอดและกระแสเลือดได้โดยตรง แม้ในคนทั่วไป PM2.5 ก็สามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพได้มากมาย เช่น ก่อให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง แต่สำหรับผู้ป่วยที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคปอด หอบหืด หรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ฝุ่นชนิดนี้ยิ่งเป็นภัยร้ายที่อาจเร่งให้อาการทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว

ในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร ปัญหาฝุ่น PM2.5 กลายเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นแทบทุกปี ทั้งจากการเผาในที่โล่ง การคมนาคมขนส่ง และภาคอุตสาหกรรม สถานพยาบาลหลายแห่งในเขตเมืองใหญ่จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากฝุ่นพิษนี้ แม้จะปิดหน้าต่างหรือมีระบบปรับอากาศทั่วไป แต่ฝุ่น PM2.5 ก็ยังสามารถเล็ดลอดเข้ามาในอาคารได้ผ่านช่องว่าง ระบบระบายอากาศ หรือแม้แต่ติดมากับเสื้อผ้าของเจ้าหน้าที่และผู้มาเยี่ยม

ผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ

มือผู้ป่วย

ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่สุดในการเผชิญกับมลภาวะจาก PM2.5 เมื่อฝุ่นเข้าสู่ระบบหายใจ จะก่อให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอ เจ็บคอ หายใจลำบาก และอาจกระตุ้นให้โรคประจำตัวกำเริบ เช่น ในผู้ป่วยหอบหืด PM2.5 สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในหอผู้ป่วยวิกฤติ (ICU)

ในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ฝุ่น PM2.5 อาจทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อแทรกซ้อน และนำไปสู่ภาวะกำเริบเฉียบพลันที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ บางรายอาจต้องยืดระยะเวลาการรักษาให้นานขึ้น หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่เพิ่มภาระต่อบุคลากรทางการแพทย์และระบบสาธารณสุขโดยรวม

งานวิจัยยืนยันความเสี่ยงของ PM2.5 ต่อผู้ป่วยในโรงพยาบาล

มีงานวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากที่ยืนยันว่า PM2.5 มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยในโรงพยาบาล โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และผู้สูงอายุ จากการศึกษาของวารสาร The Lancet Planetary Health พบว่า อัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคปอดและโรคหัวใจ

นอกจากนี้ยังมีรายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ระบุว่า มลภาวะทางอากาศคร่าชีวิตประชากรโลกมากกว่า 7 ล้านคนต่อปี และกว่า 90% ของประชากรโลกอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศต่ำกว่ามาตรฐานที่องค์การกำหนด

ในประเทศไทย งานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลยังพบว่า ผู้ป่วยในกรุงเทพฯ ที่อยู่ใกล้แหล่งจราจรหลักมีโอกาสเจ็บป่วยจากโรคทางเดินหายใจสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานติดต่อกันหลายวัน

โรงพยาบาลควรรับมืออย่างไรกับ PM2.5?

หมอจับมือ

แม้จะไม่สามารถควบคุมคุณภาพอากาศภายนอกได้โดยตรง แต่สิ่งที่โรงพยาบาลสามารถทำได้คือ การควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคารให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในห้องพักผู้ป่วย ห้องตรวจรักษา หรือพื้นที่แยกโรค การกรองอากาศด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันฝุ่น PM2.5 และเชื้อโรคในอากาศไม่ให้เข้าถึงตัวผู้ป่วย

ระบบ HVAC (Heating, Ventilation, and Air Conditioning) แบบทั่วไปอาจไม่เพียงพอในการกรองอนุภาคขนาดเล็กเช่น PM2.5 ดังนั้น การเพิ่ม เครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงที่มาพร้อมแผ่นกรอง HEPA ระดับ H13 หรือ H14 และแผ่นกรองคาร์บอนจึงกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในสถานพยาบาลชั้นนำทั่วโลก

เครื่องฟอกอากาศเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดฝุ่น PM2.5 ได้มากกว่า 99.97% แต่ยังสามารถกรองไวรัส แบคทีเรีย ละอองสารเคมี และกลิ่นไม่พึงประสงค์จากกระบวนการทางการแพทย์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงทั้งต่อผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และผู้มาเยือน

เครื่องฟอกอากาศสำหรับโรงพยาบาล: ทางเลือกที่คุ้มค่าและจำเป็น

หนึ่งในทางออกที่หลายโรงพยาบาลเริ่มให้ความสำคัญคือการติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศสำหรับโรงพยาบาล ในห้องสำคัญ เช่น ห้องพักผู้ป่วย หอผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) ห้องผ่าตัด หรือห้องรอรับผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อ เครื่องฟอกรุ่นที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการใช้งานในสถานพยาบาลจะมีพัดลมที่ทรงพลัง อัตราการเปลี่ยนถ่ายอากาศสูง และสามารถรองรับพื้นที่กว้างได้ เช่น เครื่องฟอกอากาศ 500 CFM ขึ้นไป ที่มี CADR สูงเหมาะกับการใช้งานในห้องขนาดใหญ่กว่า 100 ตรม.

นอกจากเรื่องของประสิทธิภาพในการกรองอากาศ เครื่องฟอกอากาศสำหรับโรงพยาบาลควรมีโครงสร้างที่ปลอดภัย ไม่สะสมเชื้อโรค มีการออกแบบที่เงียบ และบำรุงรักษาง่าย เพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานของแพทย์พยาบาลหรือการพักผ่อนของผู้ป่วย

อ่านต่อ: เครื่องฟอกอากาศสำหรับโรงพยาบาล – ปกป้องผู้ป่วยจากฝุ่นและเชื้อโรคในอากาศ


สรุป

PM2.5 ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพโดยตรง โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจในโรงพยาบาล ที่อยู่ในภาวะอ่อนแอและต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ การดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคารจึงเป็นหน้าที่สำคัญที่สถานพยาบาลไม่อาจมองข้าม การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการกำเริบของผู้ป่วย แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัยของโรงพยาบาลในภาพรวม

Peemanus Tongpiem

Peemanus Tongpiem

เราให้ความสำคัญกับอาหารที่เรารับประทาน 3 มื้อต่อวัน แต่เรากลับละเลยอากาศที่เราใช้หายใจมากกว่า 10 ครั้งต่อนาที เป็นเหตุให้ผมเริ่มค้นคว้าและเผยแพร่ความรู้เรื่องมลพิษทางอากาศ เพื่อให้ผู้คนตระถึงความสำคัญของการใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น