10 เครื่องฟอกอากาศรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี 2025 อากาศไร้ฝุ่น PM2.5
by Peemanus Tongpiem / พฤศจิกายน 26, 2025
ในยุคที่มลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 เป็นภัยเงียบที่เราต้องเผชิญในทุกวัน การติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศรถยนต์ จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่กลายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณและคนที่คุณรัก บทความนี้จะเจาะลึกและตอบคำถามยอดฮิตที่ว่า “เครื่องฟอกอากาศรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี” โดยคัดสรร 10 รุ่นเด่น ประสิทธิภาพสูง พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณได้อากาศบริสุทธิ์ที่สุดในทุกการเดินทาง
วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศรถยนต์ให้ดีที่สุด
ก่อนตัดสินใจซื้อ เรามาดูหลักการสำคัญที่ทำให้เครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพจริง ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราใช้ในการคัดเลือก 10 อันดับนี้:
- ชนิดของแผ่นกรอง (Filter Type):
- HEPA (High-Efficiency Particulate Air): คือมาตรฐานหลักที่ต้องมี! โดยเฉพาะ HEPA H11 ขึ้นไป สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน เช่น PM2.5, ฝุ่น, เกสรดอกไม้, และเชื้อโรคได้
- Activated Carbon (คาร์บอนกัมมันต์): สำคัญมากสำหรับการใช้งานในรถ เพราะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นอับ กลิ่นบุหรี่ รวมถึงสารระเหยอันตราย (TVOCs/ฟอร์มาลดีไฮด์)
- ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate):
- คืออัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ ยิ่งค่า CADR สูง ยิ่งฟอกอากาศในพื้นที่จำกัดอย่างรถยนต์ได้เร็วและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
- เทคโนโลยีเสริม:
- UV Sterilization (แสงยูวี): ช่วยฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่แผ่นกรองดักจับไว้
- Ionizer (ประจุลบ): ช่วยดักจับฝุ่นและอนุภาคเล็ก ๆ ในอากาศ แต่ควรเลือกรุ่นที่ไม่ปล่อยโอโซน (Ozone-Free) ในปริมาณที่เป็นอันตราย
- ขนาดและการติดตั้ง: ควรมีขนาดกะทัดรัด สามารถติดตั้งได้สะดวก เช่น ช่องวางแก้ว ที่วางแขน หรือหลังเบาะ โดยไม่บดบังทัศนวิสัย
10 เครื่องฟอกอากาศรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ที่สุดแห่งปี 2025
1: Smart Air QT3
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ |
จุดเด่น | CADR สูงที่สุดในกลุ่มเครื่องเล็กพกพา, ใช้แผ่นกรองจริง (HEPA), ไม่ปล่อยโอโซน |
คุณสมบัติเด่น | เครื่องฟอกอากาศแบบพกพาที่เน้นประสิทธิภาพการกรองอย่างแท้จริง ด้วย CADR สูงถึง 40 ลบ.ม./ชม. ในขนาดกะทัดรัด ใช้ระบบกรอง HEPA H11 ดักจับ PM2.5 ไวรัส แบคทีเรีย และฝุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม รุ่นนี้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการอากาศบริสุทธิ์ด้วยระบบแผ่นกรองที่เชื่อถือได้ ปราศจากเทคโนโลยี Ionizer ที่อาจสร้างโอโซนที่เป็นอันตราย |
ประเภทฟิลเตอร์ | HEPA H11 |
การติดตั้ง | วางบนโต๊ะ, คอนโซล |
2: Philips GoPure 7101
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ |
|---|---|
จุดเด่น | กรอง PM2.5 ได้ใน 6 นาที, มีค่า CADR สำหรับก๊าซพิษสูง, ควบคุมผ่านแอปฯ |
คุณสมบัติเด่น | สุดยอดเครื่องฟอกอากาศสำหรับรถที่ต้องเผชิญการจราจรหนาแน่น มีค่า CADR สูงถึง 22.9 ลบ.ม./ชม. สำหรับ PM2.5 และยังโดดเด่นในการกรอง ก๊าซพิษ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ และสารระเหยอันตราย (VOCs) พร้อมระบบแจ้งเตือนคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และได้รับการรับรองจาก Airmid ในการขจัดสารก่อภูมิแพ้ |
ประเภทฟิลเตอร์ | 3-in-1 SelectFilter Plus |
การติดตั้ง | คอนโซล หรือใต้เบาะ |
3: CONOCO C8 PRO
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️⭐️✨ |
จุดเด่น | ใช้ไส้กรอง HEPA H13 (เกรดเดียวกับห้องผ่าตัด), มี UV ฆ่าเชื้อ, ทำงานอัตโนมัติ |
คุณสมบัติเด่น | แบรนด์ไทยที่คุณภาพไม่แพ้ใคร ด้วยไส้กรอง HEPA H13 ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า H11 มาตรฐานทั่วไป ผสานกับแสง UV-C ในการยับยั้งเชื้อโรค ระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะจะตรวจจับมลพิษและทำงาน/หยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์ ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอากาศจะสะอาดอยู่เสมอ |
ประเภทฟิลเตอร์ | HEPA H13 + UV-C |
การติดตั้ง | วางบนคอนโซล, ที่วางแขน, หลังพนักพิง |
4: Artex AQI Sensor (HEPA H13 พร้อมจอแสดงผล AQI Real-Time)
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️⭐️ |
จุดเด่น | ไส้กรอง HEPA Level 13, มีจอแสดงค่า AQI และปรับโหมดอัตโนมัติตามสภาพอากาศ |
คุณสมบัติเด่น | โดดเด่นด้วยการใช้ไส้กรอง HEPA Level 13 และฟังก์ชันอัจฉริยะในการตรวจจับสภาพอากาศแบบ Real-Time AQI (Air Quality Index) บนหน้าจอ ทำให้ผู้ใช้ทราบระดับมลพิษในรถและภายนอกได้ทันที และตัวเครื่องจะปรับความแรงในการฟอกอากาศให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ |
ประเภทฟิลเตอร์ | HEPA Level 13 (3-Step Filtration) |
การติดตั้ง | วางบนคอนโซล หรือที่วางแขน |
5: OSRAM AirZing LEDAS101 (เทคโนโลยี Photocatalyst ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรอง)
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️⭐️ |
จุดเด่น | ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรอง, ใช้เทคโนโลยี UV-A + Photocatalyst, ทำงานเงียบ |
คุณสมบัติเด่น | สำหรับผู้ที่ไม่ชอบความยุ่งยากในการเปลี่ยนไส้กรอง OSRAM ใช้เทคโนโลยี Photocatalyst ร่วมกับรังสี UV-A LED ในการย่อยสลายฝุ่น แบคทีเรีย และกลิ่นอับ ทำให้ไม่ต้องซื้อไส้กรองใหม่ ดีไซน์กะทัดรัด ติดตั้งกับช่องปรับอากาศด้วยแม่เหล็กได้ ทำงานเงียบเพียง 25 เดซิเบล |
ประเภทฟิลเตอร์ | Photocatalyst + UV-A LED (Filter-less) |
การติดตั้ง | ติดตั้งกับช่องแอร์ (ด้วยแม่เหล็ก) |
6: Electrolux EP31-15GYA (แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ พร้อมช่องใส่น้ำมันหอมระเหย)
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️✨ |
จุดเด่น | ระบบกรอง 4 ขั้นตอน, มี IonActive, ดีไซน์พกพาสะดวก, ช่องใส่น้ำมันหอมระเหย |
คุณสมบัติเด่น | เครื่องฟอกอากาศแบบพกพาจาก Electrolux มาพร้อมระบบกรอง 4 ขั้นตอน และเทคโนโลยี IonActive ช่วยดักจับแบคทีเรียและลดกลิ่น นอกจากนี้ยังมีช่องสำหรับหยดน้ำมันหอมระเหย เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในห้องโดยสาร |
ประเภทฟิลเตอร์ | 4-Step Filtration + IonActive |
การติดตั้ง | แขวน หรือวางพกพา |
7: Clair LINE FRIENDS BROWN (ดีไซน์น่ารัก พร้อมระบบฆ่าเชื้อ LED)
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️✨ |
จุดเด่น | ดีไซน์ลิขสิทธิ์ LINE Friends, มีระบบฆ่าเชื้อ LED, มอเตอร์ BLDC เสียงเบา |
คุณสมบัติเด่น | แบรนด์ดังจากเกาหลีใต้ที่ผสานประสิทธิภาพเข้ากับดีไซน์น่ารัก ตัวเครื่องใช้ระบบกรอง 4 ขั้นตอน ทั้ง HEPA และ Activated Carbon พร้อมฟังก์ชันฆ่าเชื้อด้วย LED และมอเตอร์ BLDC ความเร็วสูงที่ช่วยลดเสียงรบกวน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งอากาศสะอาดและดีไซน์ที่โดดเด่น |
ประเภทฟิลเตอร์ | HEPA + Activated Carbon + LED Sterilization |
การติดตั้ง | วางบนคอนโซล |
8: Commy Car Air Purifier AP003 (ครบเครื่องในรูปแบบที่วางแก้ว)
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️ |
จุดเด่น | ดีไซน์สำหรับวางในช่องวางแก้ว, แสดงอุณหภูมิ/ความชื้น, มีช่องหยดน้ำมันหอมระเหย |
คุณสมบัติเด่น | ลงตัวพอดีกับช่องวางแก้วในรถยนต์ มาพร้อมไส้กรอง HEPA + Carbon เพื่อกำจัดฝุ่นและกลิ่น มีการปล่อยประจุลบ (Negative Ion) และหน้าจอ LED แสดงอุณหภูมิและความชื้นในอากาศ เป็นรุ่นที่ให้ฟีเจอร์ครบถ้วนในราคาที่เข้าถึงง่าย |
ประเภทฟิลเตอร์ | HEPA + Carbon + Negative Ion |
การติดตั้ง | ช่องวางแก้วในรถยนต์ |
9: Bwell G8 (เน้นความเบาและพกพาสะดวก)
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️ |
จุดเด่น | น้ำหนักเบามาก (0.3 กก.), พกพาสะดวก, ระบบกรอง 3 ชั้น |
คุณสมบัติเด่น | รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการพกพา ด้วยน้ำหนักเพียง 0.3 กก. เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้เครื่องฟอกอากาศทั้งในรถและในห้องขนาดเล็ก มาพร้อมประสิทธิภาพการกรอง 3 ชั้น (Pre-Filter, HEPA, Carbon) เพื่อดักจับฝุ่นละอองและลดกลิ่นอับในรถยนต์ |
ประเภทฟิลเตอร์ | Pre-Filter + HEPA + Carbon |
การติดตั้ง | วางพกพา |
10: YAMADA C1 (กะทัดรัด พร้อม Negative Ion)
คะแนนรวม | ⭐️⭐️⭐️ |
จุดเด่น | ขนาดเล็ก กะทัดรัด, ระบบกรอง 3 ชั้น, ช่องปล่อยประจุลบ |
คุณสมบัติเด่น | เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กที่สามารถวางในช่องวางแก้วน้ำได้พอดี มีระบบกรอง 3 ชั้น (ชั้นนอก, HEPA, คาร์บอน) เพื่อดักจับฝุ่นและเส้นผม พร้อมช่องปล่อยประจุลบ (Negative Ion) เพื่อช่วยให้ห้องโดยสารรู้สึกสดชื่นและสะอาดมากขึ้น |
ประเภทฟิลเตอร์ | 3-Layer (Outer, HEPA, Carbon) + Negative Ion |
การติดตั้ง | ช่องวางแก้วในรถยนต์ |
สรุป: เครื่องฟอกอากาศรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี สำหรับคุณ?
จุดเด่น | รุ่นแนะนำ | เหตุผล |
|---|---|---|
เน้นประสิทธิภาพสูงสุด | Smart Air QT3 หรือ Philips GoPure 7101 | CADR สูง, HEPA แท้, QT3 CADR 40 m³/hr ในขนาดเล็ก, Philips กรองก๊าซพิษได้ดี |
เน้นฆ่าเชื้อโรค | CONOCO C8 PRO หรือ Artex AQI Sensor | ใช้ไส้กรอง HEPA H13 (เกรดสูงสุด) พร้อมเทคโนโลยี UV หรือ Real-Time AQI |
เน้นดีไซน์ | OSRAM AirZing LEDAS101 | เทคโนโลยี Photocatalyst ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองตลอดอายุการใช้งาน |
เน้นขนาดเล็ก | Commy AP003 หรือ YAMADA C1 | กะทัดรัด วางในช่องวางแก้วได้พอดี พร้อมฟังก์ชันพื้นฐานครบถ้วน |
การลงทุนในเครื่องฟอกอากาศรถยนต์ที่ดี คือการลงทุนในสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก อย่าลืมพิจารณาจากค่า CADR และชนิดของแผ่นกรองเป็นหลัก เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ที่สุดในทุกเส้นทาง
Peemanus Tongpiem
เราให้ความสำคัญกับอาหารที่เรารับประทาน 3 มื้อต่อวัน แต่เรากลับละเลยอากาศที่เราใช้หายใจมากกว่า 10 ครั้งต่อนาที เป็นเหตุให้ผมเริ่มค้นคว้าและเผยแพร่ความรู้เรื่องมลพิษทางอากาศ เพื่อให้ผู้คนตระถึงความสำคัญของการใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
