เครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ยี่ห้อไหนดี ? – รีวิว 10 ยี่ห้อ เครื่องวัดคุณภาพอากาศที่คุ้มค่าแก่การซื้อ ปี 2025

by Nice patyoo / พฤษภาคม 23, 2025

เครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ยี่ห้อไหนดี… พบกับ 10 เครื่องวัดคุณภาพอากาศที่ดีที่สุดในตลาด พร้อมรีวิวฟีเจอร์สำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่อง และทำความเข้าใจถึงภัย จากฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบสุขภาพของคุณ

มลพิษทางอากาศและฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นปัญหาที่เราต้องเผชิญแทบทุกวัน แม้บางช่วงอย่างเดือนเมษายน 2568 จะเห็นค่าฝุ่นในกรุงเทพฯ อยู่ในระดับ “สีเขียว” หลายวันติด แต่ฝุ่นจิ๋วที่อันตรายกลับยังคงลอยปะปนในอากาศโดยที่เราไม่รู้ตัว

ฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าสู่ปอด ลุกลามถึงกระแสเลือด และก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตั้งแต่โรคหอบหืด หัวใจ ไปจนถึงผลกระทบต่อสมองในระยะยาว ดังนั้น การมี เครื่องวัดคุณภาพอากาศ จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องตัวเองและคนที่คุณรัก เพราะมันจะช่วยตรวจจับฝุ่นและมลพิษได้แบบเรียลไทม์ พร้อมให้คุณตัดสินใจได้ทันทีว่าควรเปิดเครื่องฟอกอากาศหรือไม่

แล้วเครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ยี่ห้อไหนดีในปี 2025? WEDO AIR คัดสรร 10 รุ่นยอดนิยมมาให้คุณแล้ว พร้อมเปรียบเทียบฟีเจอร์ ข้อดี และข้อจำกัด เพื่อช่วยให้คุณเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจที่สุด

10 อันดับยี่ห้อเครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 

การเลือกเครื่องวัดคุณภาพอากาศที่ดีที่สุดไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีหลายรุ่นและฟีเจอร์ให้พิจารณา แล้วเครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ยี่ห้อไหนดี ดังนั้นในปี 2025 นี้ พวกเรา WEDO AIR ได้คัดเลือก 10 อันดับเครื่องวัดคุณภาพอากาศที่คุ้มค่าแก่การซื้อ 

ขนาด: 0.7 x 2.7 x 3.5 นิ้ว

น้ำหนัก: 110 กรัม

ความจุแบตเตอรี่: 800mAh

สามารถวัดค่า PM2.5, AQI, อุณหภูมิ และความชื้น

มีตัวบ่งชี้ระดับแบตเตอรี่ พอร์ตชาร์จ Type-C ด้านหลังแบบแม่เหล็กสำหรับวางได้ง่าย และปุ่มโหมดและปุ่มเปิดปิดที่ใช้งานง่าย และ ด้านหลังเป็นแม่เหล็กช่วยให้ติดบนพื้นผิวโลหะ

ข้อดี

  • ตรวจจับ PM2.5 ได้แม่นยำด้วยอัลกอริธึมขั้นสูง
  • มีเซ็นเซอร์อนุภาคไมโครเลเซอร์ในตัวตรวจจับ PM2.5 ได้แม่นยำด้วยอัลกอริธึมขั้นสูง
  • มีขาตั้ง พกพาง่าย เหมาะกับทั้งใช้ในบ้านและนอกบ้าน

ข้อจำกัด

  • ไม่สามารถเชื่อมต่อกับแอปใด ๆ ทำให้ดูข้อมูลย้อนหลังไม่ได้

ขนาด: 63.6 × 46 × 54.6 มม.

น้ำหนัก: 143 กรัม

ความจุแบตเตอรี่: 2000mAh

สามารถวัดค่า PM2.5, PM10, CO2, อุณหภูมิ และความชื้น

สามารถเชื่อมต่อกับ Apple Home, แอป Qingping และแอป Mi มีฟีเจอร์แจ้งเตือนเมื่อตรวจพบค่าที่เกินเกณฑ์ช่วยให้คุณได้รับข้อมูลอัปเดตอยู่เสมอ

ข้อดี

  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า 7 ชั่วโมง
  • สามารถเก็บข้อมูลรายชั่วโมงย้อนหลัง 24 ชั่วโมง และบันทึกค่าที่สูงสุดและต่ำสุดต่อวันย้อนหลัง 7 วัน
  • ดีไซน์เล็กกะทัดรัด วางบนโต๊ะทำงานสวยมาก

ข้อจำกัด

  • หากไม่มี WiFi จะไม่สามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้

ขนาด: 74 × 85 × 104 มม.

น้ำหนัก: 250 กรัม

ความจุแบตเตอรี่: 1800mAh

สามารถวัดค่า PM2.5, CO2 (NDIR), eTVOC, เสียง, อุณหภูมิ และความชื้น

ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi คุณสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อมของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi คุณสามารถตรวจสอบสภาพแวดล้อมของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา

ข้อดี

  • วัดได้ถึง 7 ค่า
  • มีฟังก์ชันนาฬิกาปลุก
  • ทำงานร่วมกับ Qingping+ App และ Mi Home เพื่อเปิดใช้งานสมาร์ทได้

ข้อจำกัด

  • ราคาสูงกว่าแบรนด์อื่น 
  • ต้องชาร์จแบตเรื่อย ๆ เพื่อใช้งานอย่างต่อเนื่องทั้งวัน

ขนาด: 18.39 x 8.19 ซม.

น้ำหนัก: 1,000 กรัม

สามารถวัดค่า PM1, PM2.5, PM10, CO2, อุณหภูมิ, ความชื้น และความกดอากาศ

IQAir ยังรายงานข้อมูลดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ภายในบ้านย้อนหลัง อุณหภูมิ และความชื้น พร้อมทั้งให้คำแนะนำด้านสุขภาพที่ปรับให้เหมาะสมกับคุณภาพอากาศของคุณ

ข้อดี

  • เซ็นเซอร์คุณภาพสูง ตรวจวัดได้สูงสุด 8 ค่า
  • แสดงผลคุณภาพอากาศ 30 วันที่ผ่านมา และคุณภาพอากาศ 7 วันล่วงหน้า 
  • สามารถพยากรณ์อากาศและมลพิษทางอากาศในพื้นที่ของคุณ จากการจราจร อุตสาหกรรม ควันจากไฟป่า ดอกไม้ไฟ และอื่น ๆ

ข้อจำกัด

  • ราคาสูง
  • ขนาดใหญ่ ไม่เหมาะกับการพกพา

ขนาด: 63.6 × 46 × 54.6 มม.

น้ำหนัก: 143 กรัม

ความจุแบตเตอรี่: 2000mAh

สามารถวัดค่า PM2.5, อุณหภูมิ และความชื้น

ใช้จอแสดงผลแบบ HD, การแสดงผลแบบเกินมาตรฐาน สามารถตรวจจับแบบเรียลไทม์และใช้แบตเตอรี่หรือเสียบสาย USB

ข้อดี

  • ดีไซน์เรียบเท่ตามสไตล์ Xiaomi
  • ราคาสมเหตุสมผล

ข้อจำกัด

  • การแสดงผลช้าในบางครั้ง

ขนาด: 7 x 7 x 3.2 ซม.

น้ำหนัก: 120 กรัม

ความจุแบตเตอรี่: 800mAh

สามารถวัดค่า PM2.5, อุณหภูมิ และความชื้น

มีหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลที่อ่านค่าได้ง่าย และมีปุ่มควบคุมเพียงไม่กี่ปุ่ม ทำให้ใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน

ข้อดี

  • พกพาง่าย น้ำหนักเบามาก
  • เหมาะสำหรับใช้เช็กฝุ่นรายวันแบบเร็ว ๆ
  • หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล

ข้อจำกัด

  • ไม่มีฟีเจอร์บันทึกข้อมูลย้อนหลังหรือเชื่อมแอป

ขนาด: 118 x 115 x 48 มม.

น้ำหนัก: 200 กรัม

ความจุแบตเตอรี่: 1200mAh

สามารถวัดค่า PM2.5, PM10, HCHO, TVOC, CO และ CO2

จอภาพขนาดเล็ก สามารถใช้บนโต๊ะทำงานได้โดยไม่ต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก และง่ายต่อการพกพา

ข้อดี

  • วัดได้หลายค่า รวมทั้ง CO2, TVOC, อุณหภูมิ ความชื้น
  • จอใหญ่ มีอินเตอร์เฟซหลากหลาย

ข้อจำกัด

  • บางครั้งผลแสดงขึ้นช้า ทำให้ค่าอาจคาดเคลื่อนได้

ขนาด: 86 × 48 × 49 มม.

น้ำหนัก: 97 กรัม

สามารถวัดค่า PM2.5 อุณหภูมิ และความชื้น

จอแสดงผล HD

ข้อดี

  • ใช้งานง่าย

ข้อจำกัด

  • วัดได้เพียงไม่กี่ค่า

ขนาด: 84 x 80 x 52 มม.

น้ำหนัก: 250 กรัม

ความจุแบตเตอรี่: 1600mAh

สามารถวัดค่า PM2.5 อุณหภูมิ และความชื้น

เครื่องวัดฝุ่นมาพร้อมกับ อิโมจิ 3 สี ที่แสดงคุณภาพอากาศบนหน้าจอ

ข้อดี

  • สามารถชาร์จไฟ 1 ถึงครั้งใช้งานสูงสุดถึง 48 ชั่วโมง
  • ใช้งานง่าย

ข้อจำกัด

  • วัดได้เพียงไม่กี่ค่า

สามารถวัดค่าอุณหภูมิและความชื้น

แสดงผลอุณหภูมิ ความชื้น และ เวลา

สามารถบันทึกค่าสูงสุดจากการวัด

เลือกรูปแบบการแสดงผลเวลาได้ และมีฟังชั่นการตั้งปลุก รวมถึงปฏิทินแสดงผลวันที่

ข้อดี

  • สามารถบันทึกค่าสูงสุดจากการวัดได้
  • มีฟังก์ชันการตั้งปลุก
  • มีเวลา และปฏิทินแสดงผลวันที่
  • ใช้งานง่าย

ข้อจำกัด

  • วัดได้เพียงไม่กี่ค่า

เครื่องวัดคุณภาพอากาศจำเป็นแค่ไหน?

จำเป็นมาก โดยเฉพาะในยุคที่ฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นภัยเงียบที่ส่งผลต่อสุขภาพทุกวัน

เครื่องวัดคุณภาพอากาศไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่คือสิ่งที่ควรมีติดบ้านหรือพกพาไว้ เพื่อเฝ้าระวังอากาศรอบตัวอย่างใกล้ชิด เพราะฝุ่น PM 2.5 ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้โดยตรง

ฟีเจอร์ที่ต้องพิจารณาในการเลือกเครื่องวัดคุณภาพอากาศ 

การเลือกเครื่องวัดคุณภาพอากาศที่ดี ควรพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงและให้ข้อมูลที่แม่นยำที่สุด โดยฟีเจอร์สำคัญที่ควรคำนึงถึง ได้แก่

1. ความแม่นยำในการวัด

เครื่องวัดคุณภาพอากาศควรสามารถตรวจจับฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างแม่นยำ พร้อมค่าความละเอียดในระดับไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m³) เพื่อประเมินสถานการณ์อากาศรอบตัวได้อย่างถูกต้อง

2. ประเภทของมลพิษที่ตรวจจับได้

นอกจากเครื่องวัดฝุ่น PM 2.5 แล้ว บางรุ่นยังสามารถตรวจจับก๊าซพิษอื่น ๆ เช่น VOCs (สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย), คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂), หรือไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO₂) ได้ด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลที่ครอบคลุม

3. จอแสดงผลและการใช้งานที่ง่าย

เครื่องที่มีหน้าจอแสดงผลชัดเจน เข้าใจง่าย หรือมีไฟสัญญาณเตือนตามระดับคุณภาพอากาศ จะช่วยให้ผู้ใช้งานทุกวัยสามารถอ่านค่าได้สะดวก เช็คอากาศโดยไม่ต้องเปิดแอปพลิเคชันตลอดเวลา

4. การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน

ฟีเจอร์เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปฯ ช่วยให้สามารถติดตามคุณภาพอากาศย้อนหลังได้ ดูแนวโน้มรายวันหรือรายเดือน และรับการแจ้งเตือนเมื่อค่าฝุ่นสูงผิดปกติ

5. พกพาสะดวกและใช้งานได้หลากหลายสถานที่

หากคุณต้องการตรวจสอบคุณภาพอากาศนอกบ้านหรือระหว่างเดินทาง การเลือกเครื่องขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และมีแบตเตอรี่ในตัวจะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

6. ความคุ้มค่าและราคาที่เหมาะสม

สุดท้าย เครื่องวัดคุณภาพอากาศที่ดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป เลือกรุ่นที่มีฟีเจอร์ครบถ้วน ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน และมีราคาที่สมเหตุสมผล จะช่วยให้คุณลงทุนได้อย่างคุ้มค่า

ฝุ่น PM 2.5 ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร?

ฝุ่น PM 2.5 คือฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าความกว้างของเส้นผมมนุษย์หลายสิบเท่า ด้วยขนาดที่เล็กมากมันสามารถเล็ดลอดเข้าสู่ถุงลมในปอดและกระแสเลือดได้โดยตรง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ผลกระทบต่อร่างกาย

  • ระบบทางเดินหายใจ: หอบหืด ปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือด: โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง
  • ระบบอื่น ๆ: เสี่ยงเบาหวานชนิดที่ 2 และมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด

กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 มากกว่าคนทั่วไป

สิ่งที่ทำให้ฝุ่น PM 2.5 อันตราย คือมันไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้เราสูดเข้าไปโดยไม่รู้ตัว การเฝ้าระวังคุณภาพอากาศด้วยเครื่องวัดที่แม่นยำจึงเป็นหนึ่งในวิธีสำคัญในการป้องกันตนเองและครอบครัวจากภัยเงียบนี้

FAQ (คำถามที่พบบ่อย)

เครื่องวัดคุณภาพอากาศ (Air Quality Monitor) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจวัดระดับมลพิษในอากาศ เช่น PM2.5, PM10, คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2), สารอินทรีย์ระเหย (TVOC), อุณหภูมิ ความชื้น และอื่น ๆ แบบเรียลไทม์

เพราะมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ไม่มีสีหรือกลิ่น การมีเครื่องวัดจะช่วยให้คุณรู้ว่าอากาศรอบตัวปลอดภัยหรือไม่ และสามารถตัดสินใจได้ทันทีว่าจะเปิดเครื่องฟอกอากาศ ปิดหน้าต่าง หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง

ขึ้นอยู่กับรุ่น แต่อุปกรณ์ส่วนใหญ่สามารถวัดได้หลายค่า เช่น:

  • ฝุ่น PM2.5 และ PM10
  • คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
  • สารอินทรีย์ระเหย (TVOC)
  • อุณหภูมิ / ความชื้น / เสียง

หากใช้งานในบ้าน ควรเลือกเครื่องที่วัด PM2.5 ได้แม่นยำ เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ และมีแอปช่วยแสดงผล เช่น Qingping Pro+ หรือ Temtop S1 ซึ่งมีฟังก์ชันครอบคลุมและใช้งานง่าย

สรุป 

การมีเครื่องวัดคุณภาพอากาศในบ้านไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือการใส่ใจสุขภาพในทุกลมหายใจ เครื่องวัดฝุ่นที่ดีจะช่วยให้คุณตรวจเช็คระดับ PM 2.5 และสารปนเปื้อนอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะเปิดเครื่องฟอกอากาศเมื่อไร หรือควรปิดหน้าต่างเมื่อไร

WEDO AIR ได้รวบรวมเครื่องวัดคุณภาพอากาศ 10 ยี่ห้อ แห่งปี 2025 มาไว้ในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรเลือกเครื่องวัดฝุ่นรุ่นไหนให้เหมาะกับบ้านหรือออฟฟิศของคุณ

สุขภาพดีเริ่มต้นที่อากาศดี — มาเริ่มวัดและปรับคุณภาพอากาศกันตั้งแต่วันนี้ 💨🍃

Nice patyoo

Nice patyoo