เครื่องฟอกอากาศสัตว์เลี้ยง บ้านสะอาดไร้ขนและกลิ่นกวนใจ

สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง หลายคนอาจคุ้นชินกับขนแมว ขนสุนัขที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ หรือกลิ่นฉี่ กลิ่นตัวที่สะสมอยู่ตามห้องต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพของคนในบ้าน แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงเองด้วย การเลือกใช้ เครื่องฟอกอากาศสัตว์เลี้ยง ที่ออกแบบมาสำหรับบ้านที่มีน้องหมา น้องแมว จึงกลายเป็นทางเลือกสำคัญที่ช่วยทำให้บ้านสะอาดและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

ทำไมบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงจึงควรมีเครื่องฟอกอากาศ?

การมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ปิดอย่างคอนโดหรือห้องนอน อาจทำให้เกิดปัญหาทางอากาศหลายอย่าง เช่น

• ขนสัตว์ที่ฟุ้งกระจาย และอาจเข้าไปสะสมในระบบทางเดินหายใจของเรา
  
• กลิ่นตัวสัตว์ กลิ่นฉี่ อุจจาระ ที่บางครั้งกำจัดได้ยาก
  
• ฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ (Allergens) จากสัตว์เลี้ยง
  
• ไรฝุ่นและแบคทีเรีย ที่สะสมในพรม ผ้าม่าน หรือที่นอนสัตว์
  

เครื่องฟอกอากาศทั่วไปอาจช่วยได้เพียงบางส่วน แต่ เครื่องฟอกอากาศสัตว์เลี้ยง ที่ออกแบบมาเฉพาะจะช่วยดักจับ ขนสัตว์ และลดกลิ่นได้ดีกว่า เพราะมีฟิลเตอร์เฉพาะสำหรับปัญหาดังกล่าว

รีวิวเครื่องฟอกอากาศขนสัตว์ รุ่นยอดนิยม

1. Sqair จาก WEDO AIR – ดีไซน์สวย ฟอกอากาศแรง เหมาะกับบ้านสัตว์เลี้ยง

• เหมาะสำหรับห้องขนาด 30–40 ตร.ม.
  
• ค่า CADR สูงถึง 315 m³/h ดูดอากาศได้เร็วและแรง ดักจับฝุ่น PM2.5, ขนสัตว์ และสารก่อภูมิแพ้ได้ดี
  
• ใช้แผ่นกรอง HEPA + คาร์บอนแอคทิเวต กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์จากสัตว์เลี้ยง เช่น กลิ่นฉี่ อึ และกลิ่นตัว
  
• ดีไซน์มินิมอล เรียบหรู เข้ากับห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน
  
• ควบคุมง่ายด้วยปุ่มหมุน ไม่ซับซ้อน
  
• ระดับเสียงต่ำสุดเพียง 23 dB เหมาะกับใช้ในห้องนอนสัตว์เลี้ยงหรือห้องนอนคน
  
• จุดเด่นของ Sqair คือการออกแบบให้ใช้งานง่าย ฟอกอากาศแรง และมีประสิทธิภาพในราคาคุ้มค่า

แนะนำ

“Sqair จะเป็นเครื่องฟอกอากาศที่ดีที่สุดสำหรับคุณ หากคุณชอบดีไซน์เรียบง่ายและอุปกรณ์ที่เรียบง่าย เครื่องฟอกอากาศนี้ใช้งานง่ายและกรอง PM2.5 ได้อย่างดีเยี่ยม และไม่ทำให้กระเป๋าสตางค์ของคุณหมดเกลี้ยง”

ซื้อในร้านค้า

2. Xiaomi Smart Air Purifier 4

• ฟิลเตอร์ HEPA H13 + Activated Carbon
  
• กรองกลิ่นขนแมว ขนหมา ได้ดีเยี่ยม
  
• ควบคุมผ่านแอป Mi Home
  

3. Levoit Core P350

• มีฟิลเตอร์เฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet True HEPA)
  
• ปิดเสียงสนิทขณะนอน
  
• กรองกลิ่นสัตว์ได้เร็วใน 5 นาที
  

4. Airdog X3

• เทคโนโลยีกรองแบบ TPA ไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์
  
• ดักจับขนสัตว์ + ฆ่าเชื้อไวรัสในอากาศ
  
• ลดกลิ่นฉี่ได้อย่างเห็นผล
  

เครื่องกรองขนสัตว์ จำเป็นไหม?

หลายคนอาจสงสัยว่า “แค่ขนแมว ขนหมา จำเป็นต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศด้วยหรือ?” คำตอบคือ “จำเป็นมาก” โดยเฉพาะหากคุณมีอาการแพ้สัตว์เลี้ยงหรือมีเด็กเล็กอยู่ในบ้าน เพราะขนสัตว์อาจเป็นพาหะนำไรฝุ่น เชื้อรา หรือแม้แต่เชื้อไวรัสเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ

นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศที่มี เครื่องกรองอากาศและขนสัตว์ จะช่วยให้คุณไม่ต้องทำความสะอาดบ้านบ่อยเท่าเดิม ประหยัดเวลาและแรงงานลงได้มาก

วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับบ้านสัตว์เลี้ยง

1. วัดขนาดห้องก่อนเลือกซื้อ
   ดูค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ให้เหมาะกับพื้นที่ เช่น ห้องนอน 20 ตร.ม. ควรใช้เครื่องที่มี CADR 200 ขึ้นไป
   
2. ตั้งเครื่องใกล้จุดที่สัตว์พักบ่อย ๆ
   เช่น บริเวณที่นอนสัตว์ เพื่อกรองอากาศได้ตรงจุด
   
3. เลือกเครื่องที่ดูแลรักษาง่าย
   เครื่องที่สามารถล้างแผ่นกรองได้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
   
4. ตรวจสอบระดับเสียง
   หากสัตว์เลี้ยงกลัวเสียงเครื่อง ควรเลือกที่มีเสียงเบาไม่เกิน 30 dB
   

เคล็ดลับการใช้งานเครื่องฟอกอากาศสัตว์เลี้ยง

• เปิดเครื่องตลอดเวลา เพื่อให้การฟอกอากาศมีความต่อเนื่อง
  
• เปลี่ยนฟิลเตอร์ตามรอบที่แนะนำ เช่น ทุก 3-6 เดือน
  
• หมั่นดูดฝุ่นรอบ ๆ เครื่อง เพื่อไม่ให้ขนสัตว์เข้าไปอุดตัน
  
• หากสัตว์เลี้ยงผลัดขนหนักในช่วงฤดู ควรเพิ่มความถี่ในการเปลี่ยนไส้กรอง
  

FAQ