ฝุ่น PM 2.5 เกิดจากอะไร? เจาะลึกสาเหตุ และผลกระทบต่อสุขภาพ

by Peemanus Tongpiem / กรกฎาคม 9, 2025

ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นประเด็นที่คนไทยให้ความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและช่วงที่มีการเผาในที่โล่งแจ้ง ทำให้คุณภาพอากาศลดต่ำลงจนกลายเป็น มลพิษทางอากาศ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง (หากคุณต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศโดยรวมในประเทศไทย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่) หลายคนคงสงสัยว่า ‘ฝุ่น PM 2.5 เกิดจากอะไร?’ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงแหล่งกำเนิดและสาเหตุหลักของฝุ่นพิษนี้อย่างละเอียด พร้อมทั้งผลกระทบและแนวทางการป้องกันเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน

PM 2.5 คืออะไร? ทำความรู้จักกับ “ฝุ่นจิ๋ว” ที่มองไม่เห็น

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า PM 2.5 คืออะไร PM ย่อมาจาก Particulate Matter ซึ่งหมายถึงอนุภาคของแข็งหรือของเหลวขนาดเล็กที่แขวนลอยอยู่ในอากาศ ส่วนตัวเลข 2.5 คือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของอนุภาคที่มีหน่วยเป็นไมโครเมตร (ไมครอน) หรือเล็กกว่า 2.5 ไมครอน

ความน่ากลัวของฝุ่น PM 2.5 คือขนาดที่เล็กจิ๋วนี้เอง ทำให้มันสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้อย่างง่ายดาย ผ่านปอดเข้าสู่กระแสเลือด และส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้มากกว่าฝุ่นละอองขนาดใหญ่

ฝุ่น PM 2.5 เกิดจากอะไร? แหล่งกำเนิดและสาเหตุหลัก

แหล่งกำเนิดของฝุ่น PM 2.5 สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ แหล่งกำเนิดจากธรรมชาติ และ แหล่งกำเนิดจากกิจกรรมของมนุษย์

1. แหล่งกำเนิดจากกิจกรรมของมนุษย์ (Anthropogenic Sources)

โรงงานปล่อยควันพิษ

นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตเมืองและพื้นที่ที่มีกิจกรรมหนาแน่น:

  • การคมนาคมและขนส่ง:
    • ควันจากท่อไอเสียยานพาหนะ: โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซล รถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ และรถยนต์เก่าที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงไม่สมบูรณ์ จะปล่อยอนุภาคฝุ่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการเกิด PM 2.5
    • การสึกหรอของยางรถยนต์และผ้าเบรก: ก่อให้เกิดอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กที่ฟุ้งกระจายในอากาศ
  • การเผาในที่โล่ง:
    • การเผาภาคเกษตร: เป็นสาเหตุสำคัญในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการเผาตอซังข้าว อ้อย ข้าวโพด และพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ หลังการเก็บเกี่ยวเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกใหม่ ทำให้เกิดควันและฝุ่นละอองจำนวนมหาศาล
    • การเผาป่า: ไฟป่าทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและการจุดโดยมนุษย์เพื่อการล่าสัตว์หรือขยายพื้นที่เกษตร
    • การเผาขยะ: การเผาขยะมูลฝอยในที่โล่งตามชุมชนต่างๆ
  • อุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า:
    • โรงงานอุตสาหกรรม: การปล่อยมลพิษจากกระบวนการผลิตที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง (ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ) และการใช้สารเคมีต่างๆ
    • โรงไฟฟ้า: โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตกระแสไฟฟ้า จะปล่อยฝุ่นละอองและก๊าซพิษสู่ชั้นบรรยากาศ
  • การก่อสร้าง:
    • ฝุ่นจากการก่อสร้าง: กิจกรรมก่อสร้างอาคาร ถนน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีการเคลื่อนย้ายดิน ทราย ซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย
  • การหุงต้มในครัวเรือน:
    • การใช้เชื้อเพลิงชีวมวล: การหุงต้มด้วยฟืน ถ่าน หรือการจุดเตาถ่านในครัวเรือนโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือชุมชนแออัด

2. แหล่งกำเนิดจากธรรมชาติ (Natural Sources)

ภูเขาไฟปะทุและไฟป่า

แม้จะมีสัดส่วนน้อยกว่า แต่ก็เป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นได้:

  • ไฟป่าธรรมชาติ: เช่น เกิดจากฟ้าผ่า หรือความร้อนสะสม
  • พายุฝุ่นและพายุทราย: การพัดพาฝุ่นละอองจากทะเลทรายหรือพื้นที่แห้งแล้งมาตามกระแสลม
  • ละอองเกสรดอกไม้: แม้จะไม่ใช่ฝุ่นพิษโดยตรง แต่ก็เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ลอยในอากาศ
  • การปะทุของภูเขาไฟ: ปล่อยเถ้าถ่านและอนุภาคจำนวนมากสู่ชั้นบรรยากาศ

ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อสุขภาพ

การสูดดมฝุ่น PM 2.5 เข้าไปสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน สามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว:

  • ระบบทางเดินหายใจ: ระคายเคืองจมูก ลำคอ ไอ จาม มีเสมหะ หายใจลำบาก หอบหืดกำเริบ และเพิ่มความเสี่ยงของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มะเร็งปอด
  • ระบบหัวใจและหลอดเลือด: ฝุ่นสามารถเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบ เพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ และความดันโลหิตสูง
  • ผิวหนังและดวงตา: ทำให้เกิดผื่นคัน ตาแดง แสบตา ระคายเคือง
  • สมอง: งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าอาจส่งผลต่อการทำงานของสมองและเพิ่มความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม
  • กลุ่มเสี่ยง: เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจและหัวใจ หญิงตั้งครรภ์ มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าคนทั่วไป

แนวทางการป้องกันและลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5

แม้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะซับซ้อน แต่เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมและป้องกันตนเองได้:

  1. ตรวจสอบคุณภาพอากาศ: ติดตามค่า PM 2.5 จากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ (เช่น Air4Thai, IQAir) ก่อนออกจากบ้าน
  2. สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น: สวมหน้ากาก N95 หรือหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานอย่างถูกวิธีเมื่อต้องออกนอกอาคาร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง
  3. ลดกิจกรรมกลางแจ้ง: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมนอกบ้านเมื่อค่าฝุ่นสูง
  4. ป้องกันฝุ่นเข้าบ้าน: ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด หากมีเครื่องฟอกอากาศ ควรเปิดใช้งานอย่างสม่ำเสมอ
  5. บำรุงสุขภาพ: ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
  6. ลดการสร้างฝุ่น:
    • ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
    • บำรุงรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพดี ไม่ก่อควันดำ
    • งดการเผาขยะและกิจกรรมที่ก่อให้เกิดควันต่างๆ
    • สนับสนุนการเกษตรแบบปลอดการเผา

สรุป

ฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากหลากหลายสาเหตุ ทั้งจากธรรมชาติและที่สำคัญคือจากกิจกรรมของมนุษย์ การเข้าใจถึงต้นตอของปัญหานี้เป็นก้าวแรกในการรับมือและร่วมกันลดผลกระทบ เพื่อให้อากาศที่เราหายใจเข้าไปนั้นสะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคนในระยะยาว

Peemanus Tongpiem

Peemanus Tongpiem

เราให้ความสำคัญกับอาหารที่เรารับประทาน 3 มื้อต่อวัน แต่เรากลับละเลยอากาศที่เราใช้หายใจมากกว่า 10 ครั้งต่อนาที เป็นเหตุให้ผมเริ่มค้นคว้าและเผยแพร่ความรู้เรื่องมลพิษทางอากาศ เพื่อให้ผู้คนตระถึงความสำคัญของการใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

เครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ยี่ห้อไหนดี ? – รีวิว 10 ยี่ห้อ เครื่องวัดคุณภาพอากาศที่คุ้มค่าแก่การซื้อ ปี 2025

Updated on
Read More เครื่องวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ยี่ห้อไหนดี ? – รีวิว 10 ยี่ห้อ เครื่องวัดคุณภาพอากาศที่คุ้มค่าแก่การซื้อ ปี 2025